การสั่นสะเทือนของร่างกาย Human Vibration
คือ การสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไปยังร่างกายของมนุษย์ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีแรงสั่นสะเทือน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
Whole-Body Vibration
การสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไปยังร่างกายทั้งหมด โดยทั่วไปเกิดจากการยืน นั่ง หรือยืนบนพื้นผิวที่สั่นสะเทือน เช่น การขับรถบรรทุก เครื่องจักรกลหนัก หรือการนั่งเรือเป็นเวลานาน
Hand-Arm Vibration
การสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไปยังมือและแขนจากการใช้เครื่องมือ เช่น สว่าน เครื่องเจียร เลื่อยไฟฟ้า หรือเครื่องมือที่ต้องใช้แรงจับสูง
ผลกระทบต่อสุขภาพจากความสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมือและแขน
ความสั่นสะเทือนความสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมือและแขน (Hand Transmitted Vibration หรือ Hand-Arm Vibration (HAV) เป็นการสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้มือจับไปยังแขนของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปหรือต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ISO 5349 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวทางการวัดและประเมินผลกระทบของความสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไปยังมือและแขนของมนุษย์
1. ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสั่นสะเทือนผ่านมือและแขน
-
- ความถี่ของความสั่นสะเทือน
- ISO 5349 ระบุว่าความถี่ของความสั่นสะเทือนที่มีผลกระทบต่อร่างกายอยู่ในช่วง 5 – 2000 Hz
- ความถี่ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากที่สุดคือช่วง 6.3 – 1250 Hz โดยเฉพาะในช่วง 100 – 150 Hz ที่ส่งผลต่อหลอดเลือดและระบบประสาทมากที่สุด
- ขนาดของความสั่นสะเทือน (Magnitude of Vibration)
- วัดเป็นค่า ความเร่ง (Acceleration) หน่วยเป็น m/s²
- ISO 5349 ใช้วิธีการวัดค่า RMS (Root Mean Square) ของการเร่งสามแกน (X, Y, Z)
- ค่าความสั่นสะเทือนสะสมที่ปลอดภัยขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาการสัมผัสต่อวัน
- ระยะเวลาและความถี่ในการสัมผัส (Exposure Duration and Frequency)
- การสัมผัสกับความสั่นสะเทือนเป็นเวลานานเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อสุขภาพ
- ค่า A(8) หรือ ค่าเฉลี่ยความเร่งที่ได้รับในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง เป็นค่ามาตรฐานในการประเมินความเสี่ยง
2. ผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์
-
- ระบบไหลเวียนโลหิต (Vascular Disorders)
- อาจทำให้เกิด โรค Raynaud’s phenomenon หรือ “นิ้วขาวจากความเย็น” (Vibration White Finger – VWF)
- เส้นเลือดฝอยบริเวณมือและนิ้วหดตัว ทำให้เกิดอาการชา มือเย็น สีผิวซีดขาว และเจ็บเมื่อสัมผัสความเย็น
- ระบบประสาท (Neurological Disorders)
- อาจทำให้เกิด Peripheral Neuropathy หรืออาการชา สูญเสียความสามารถในการรับรู้แรงกดหรือตำแหน่งของมือ
- อาจทำให้เกิด Carpal Tunnel Syndrome (CTS) ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดและอ่อนแรงของมือ
- ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal Disorders)
- อาจทำให้เกิด โรคข้อต่อเสื่อมและเอ็นอักเสบ จากแรงสั่นสะเทือนที่กระทบข้อมือ ข้อนิ้ว และแขน
- อาจทำให้เกิด กล้ามเนื้ออ่อนแรง จากการใช้งานมือและแขนที่ได้รับแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่อง
3. ขีดจำกัดการสัมผัสความสั่นสะเทือน (ตามมาตรฐาน ISO 5349 และ EU Directive 2002/44/EC)
-
- ค่าขีดจำกัดของ Hand-Arm Vibration A(8) ที่ได้รับในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง
- ค่าแนะนำ (Exposure Action Value – EAV): 2.5 m/s²
- ค่าขีดจำกัดสูงสุด (Exposure Limit Value – ELV): 5 m/s²
หากค่าความสั่นสะเทือนเฉลี่ยต่อวันเกิน 2.5 m/s² ต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยง และหากเกิน 5 m/s² ไม่ควรทำงานต่อเนื่องเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง
4. วิธีการลดผลกระทบจากความสั่นสะเทือน
-
- เลือกใช้เครื่องมือที่มีระบบลดแรงสั่นสะเทือน เช่น เครื่องมือลมที่มีระบบกันสั่นสะเทือน
- ใช้ถุงมือกันสั่นสะเทือน (Anti-Vibration Gloves) เพื่อช่วยลดการส่งผ่านของแรงสั่นสะเทือน
- ลดระยะเวลาการสัมผัส โดยแบ่งเวลาการทำงานเป็นช่วง ๆ และหยุดพักเป็นระยะ
- บำรุงรักษาเครื่องมือให้อยู่ในสภาพดี ลดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากเครื่องมือที่เสื่อมสภาพ
- ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความเสี่ยงของ HAV และให้พนักงานรู้จักวิธีจับเครื่องมือที่ถูกต้องเพื่อลดแรงกระแทก
ผลกระทบต่อสุขภาพจากความสั่นสะเทือนทั้งร่างกาย
ความสั่นสะเทือนที่ร่างกาย (Whole Body Vibration) เป็นการสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านจากการสัมผัสหรือใช้งานจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปหรือต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ISO 2631 เป็นมาตรฐานที่กำหนดแนวทางการวัดและประเมินผลกระทบของความสั่นสะเทือนที่มีต่อร่างกายมนุษย์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- Whole-Body Vibration (WBV) – ความสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไปยังร่างกายทั้งหมด โดยเฉพาะผ่านที่นั่ง พื้น หรือโครงสร้างที่รองรับร่างกาย
- Low-Frequency Whole-Body Vibration (LF WBV) – ความสั่นสะเทือนที่มีความถี่ต่ำเป็นพิเศษ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของยานพาหนะ
1. Whole-Body Vibration (WBV)
1.1 ความถี่ของความสั่นสะเทือน (Frequency)
- ISO 2631 ระบุว่าช่วงความถี่ที่มีผลกระทบต่อร่างกายอยู่ที่ 0.5 – 80 Hz
- ช่วงที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อร่างกายคือ 4 – 8 Hz เพราะใกล้เคียงกับความถี่ธรรมชาติของร่างกาย
- การสั่นสะเทือนในช่วง 1 – 2 Hz มีผลกระทบสูงต่อศีรษะและกระดูกสันหลัง
- ความถี่ต่ำกว่า 1 Hz มักเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบเป็นคลื่น (เช่น การเคลื่อนที่ของเรือหรือเครื่องบิน)
1.2 ขนาดของความสั่นสะเทือน (Magnitude)
- วัดเป็นค่า ความเร่ง (Acceleration) หน่วยเป็น m/s²
- การสัมผัสกับค่าความเร่งเร่งสูงเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าและความผิดปกติของร่างกาย
1.3 ผลกระทบต่อสุขภาพ
- ผลกระทบต่อระบบกระดูกสันหลัง:
- ทำให้เกิดอาการปวดหลัง โดยเฉพาะที่กระดูกสันหลังส่วนเอว
- อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหมอนรองกระดูกเสื่อม
- ผลกระทบต่อระบบประสาท:
- ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้ (Motion Sickness)
- ลดความสามารถในการตอบสนองและสมาธิ
- ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร:
- อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร
- ผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต:
- อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง
2. Low-Frequency Whole-Body Vibration (LF WBV)
2.1 ความถี่ของความสั่นสะเทือน
- LF WBV คือความสั่นสะเทือนที่มีความถี่ต่ำกว่า 0.5 – 2 Hz
- มักเกิดขึ้นจากการเดินทางทางเรือ เครื่องบิน หรือยานพาหนะที่เคลื่อนที่ช้า
2.2 ผลกระทบต่อสุขภาพ
- ทำให้เกิดอาการ เมารถ เมาเรือ หรือ Motion Sickness
- ส่งผลต่อการทรงตัวและอาจทำให้สูญเสียสมดุลของร่างกาย
- มีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการคลื่นไส้และอาเจียน
3. ขีดจำกัดความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 2631
3.1 Whole-Body Vibration (WBV)
- ค่าการเร่งสั่นสะเทือน WBV ที่ยอมรับได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ได้รับ
- ค่าแนะนำที่ปลอดภัยไม่ควรเกิน 0.5 m/s² สำหรับการทำงานต่อเนื่อง
- ค่าที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอยู่ที่ 1.15 m/s² ขึ้นไป
4. วิธีการลดผลกระทบของความสั่นสะเทือน
4.1ลดผลกระทบจาก Whole-Body Vibration
- ใช้ที่นั่งแบบลดแรงสั่นสะเทือนในยานพาหนะ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความสั่นสะเทือนเป็นเวลานานโดยการหยุดพักเป็นช่วง ๆ
- ปรับปรุงระบบกันสะเทือนของยานพาหนะ
4.2 ลดผลกระทบจาก Low-Frequency WBV
- ใช้ระบบลดการสั่นสะเทือนในยานพาหนะ เช่น การออกแบบภายในที่ช่วยดูดซับแรง
- ฝึกฝนการปรับสมดุลของร่างกายและปรับตำแหน่งการนั่งให้เหมาะสม
- ลดระยะเวลาการสัมผัสโดยพักเป็นระยะ
สรุป
การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงจาก Human Vibration และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน


