การเก็บตัวอย่างอากาศด้วย Personal Pump
การเก็บตัวอย่างอากาศเป็นกระบวนการสำคัญในการวิเคราะห์คุณภาพอากาศในสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ฝุ่น หรือก๊าซพิษ การใช้ Personal Air Sampling Pump เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถเก็บตัวอย่างอากาศที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับสัมผัสโดยตรง ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงและกำหนดมาตรการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Personal Air Sampling Pump คืออะไร?
Personal Air Sampling Pump หรือปั๊มเก็บตัวอย่างอากาศส่วนบุคคล เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บตัวอย่างฝุ่นละออง ไอระเหย หรือก๊าซในอากาศที่อยู่ในระดับการหายใจของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งมักถูกใช้ในการตรวจสอบคุณภาพอากาศตามมาตรฐาน OSHA, NIOSH และ ISO
การเลือกใช้ Personal Air Sampling Pump ที่ได้มาตรฐาน
เครื่องเก็บตัวอย่างอากาศที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญในการให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งสามารถช่วยให้การตรวจวัดเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือควรซื้อกับตัวแทนจำหน่ายและมีศูนย์บริการภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ในการเข้ารับการบริการหลังการขายจากผู้เชี่ยวชาญ
การใช้งาน Personal Pump สำหรับเก็บตัวอย่างอากาศ
- เลือกอัตราการไหลที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ต้องการเก็บตัวอย่าง เช่น การเก็บฝุ่นละอองมักใช้อัตราการไหลสูง (High Flow) ในขณะที่การเก็บสารเคมีและไอระเหยมักใช้อัตราการไหลต่ำ (Low Flow)
- ติดตั้งปั๊มและสื่อเก็บตัวอย่างให้ถูกต้อง เช่น การใช้ตัวกรองประเภท PVC, MCE หรือ หลอดเก็บสารเคมี (Tube) ขึ้นอยู่กับชนิดของสารปนเปื้อน
- ตรวจสอบอัตราการไหลก่อนเริ่มเก็บตัวอย่าง ควรใช้เครื่องมือสอบเทียบอัตราการไหล (Flow Calibrator) เพื่อให้มั่นใจว่าปั๊มทำงานได้ตามค่าที่ตั้งไว้
- เปิดใช้งานและเริ่มเก็บตัวอย่าง ติดตั้งปั๊มที่ตัวของผู้ปฏิบัติงาน เช่นติดตั้งตัวเครื่องไว้ที่เข็มขัดของพนักงานและต่อสายยางมายัง Breathing Zone และเปิดให้ทำงานตามระยะเวลาที่กำหนด
- บันทึกข้อมูลและนำตัวอย่างไปวิเคราะห์ หลังจากการเก็บตัวอย่างเสร็จสิ้น ควรบันทึกข้อมูลและนำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ
ข้อแนะนำในการเลือกเครื่องเก็บตัวอย่างอากาศ (Air Sampling Pump)
การเลือกเครื่องเก็บตัวอย่างอากาศ (Air Sampling Pump) ที่เหมาะสมและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพอากาศในสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและตรงตามมาตรฐานที่กำหนด
- เลือกอัตราการไหลที่เหมาะสม
- เครื่องเก็บตัวอย่างอากาศมี 2 ประเภทหลัก ตามอัตราการไหลของอากาศ:
- High Flow (1 – 5 LPM) เหมาะสำหรับเก็บตัวอย่างฝุ่นละออง เช่น Total Dust, PM2.5 หรือสารอนินทรีย์ในอากาศ
- Low Flow (20 – 500 mL/min) ใช้สำหรับเก็บตัวอย่างไอระเหยของสารเคมี หรือก๊าซ เช่น VOCs และไอระเหยของโลหะหนัก
- เครื่องเก็บตัวอย่างอากาศมี 2 ประเภทหลัก ตามอัตราการไหลของอากาศ:
แนะนำ: เลือกเครื่องที่รองรับทั้ง High Flow และ Low Flow ในเครื่องเดียว เช่น GilAir Plus เพื่อความสะดวกในการใช้งานที่หลากหลาย
- ความแม่นยำและความคงที่ของอัตราการไหล เครื่องควรรักษาอัตราการไหลได้คงที่ แม้มีแรงต้านจากตัวกรองหรือสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง
- ขนาด น้ำหนัก และการพกพา
- เครื่องควรมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และสามารถพกพาติดตัวไปใช้งานภาคสนามได้สะดวก
- ควรมีคลิปหนีบหรืออุปกรณ์ติดตั้งที่สามารถใช้งานได้ง่ายบนตัวผู้ปฏิบัติงาน
- แหล่งพลังงานและระยะเวลาใช้งาน
- เลือกเครื่องที่มีแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน เครื่องควรสามารถทำงานได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงขึ้นไป ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพื่อรองรับการเก็บตัวอย่างตลอดกะการทำงาน
- ระบบควบคุมและบันทึกข้อมูล
- ควรมีหน้าจอแสดงผลที่ชัดเจน พร้อมเมนูการตั้งค่าที่ใช้งานง่าย
- รองรับการบันทึกข้อมูล (Data Logging) ช่วยให้สามารถติดตามการทำงานย้อนหลังได้ ลดความผิดพลาดในการวิเคราะห์
- มาตรฐานความปลอดภัยและการรับรองคุณภาพ
เลือกเครื่องที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากล เช่น:
-
- NIOSH, OSHA, และ ISO 13137 เพื่อความแม่นยำในการตรวจวัด
- ATEX Certification สำหรับการใช้งานในพื้นที่อันตรายหรือเสี่ยงต่อการเกิดประกายไฟ
ตัวอย่าง: GilAir Plus ได้รับการรับรองมาตรฐาน ATEX และสามารถใช้ในพื้นที่อันตรายได้
- การบำรุงรักษาและการสอบเทียบ
- เครื่องควรมีอะไหล่สำรอง และสามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย
- ควรสามารถสอบเทียบอัตราการไหลได้ง่าย โดยใช้เครื่องสอบเทียบมาตรฐาน เช่น Primary Flow Calibrator
สรุป
การเก็บตัวอย่างอากาศด้วย Personal Air Sampling Pump เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงจากมลพิษในอากาศได้อย่างแม่นยำ เครื่อง GilAir Plus เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่มีความแม่นยำ ใช้งานง่าย และได้มาตรฐานระดับสากล


