ทำไม? ต้องมีการกำหนดมาตรฐานเครื่องมือกันด้วย
วัตถุประสงค์ของมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานบริษัท มาตรฐานการผลิต มาตรฐานห้องปฏิบัติการ ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงาน ความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ ลดการผิดพลาดของงาน
สำหรับเครื่องมือตรวจวัด ก็จำเป็นต้องมีเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดค่าความถูกต้องในการตรวจวัด ซึ่งมาตรฐานเครื่องมือก็จะจำเพาะเจาะจงไปตามสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ เช่น
– Heat Stress Monitor WBGT – ต้องได้มาตรฐาน ISO7243 ขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ
– Sound – ต้องได้มาตรฐาน IEC 61672 Class 2 หรือดีกว่า
– Noise – ต้องได้มาตรฐาน IEC 61252 Class 2 หรือดีกว่า
– Acoustic Calibrator ต้องได้มาตรฐาน IEC 60942
กฎหมาย เสียง แสง ความร้อน
กฎหมายที่ เราอ้างอิง ถึงมาก ที่สุดคือ “กฎกระทรวง อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน2559” โดยสรุปแล้ว การเลือกเครื่องมือควรพิจารณา ดังนี้
- ต้องประกอบไปด้วย 3 หัววัดคือ อุณหภูมิกระเปาะเปียก(WET) อุณหภูมิกระเปาะแห้ง(Dry) และ โกลบ (Globe)
- ต้องได้รับการออกแบบและสอบเทียบตามมาตรฐาน ISO 7243
- ต้องมี Calibration Verification Module
2. เครื่องวัดเสียง การเลือกใช้เครื่องมือควรเลือกเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน IEC 61672 หรือ มาตรฐาน IEC 61252 สำหรับการตรวจวัดเสียงต้องพิจารณาลักษณะของเสียง เช่น
- การวัดเสียงต่อเนื่องคงที่ เครื่องมือควรมีช่วงการตรวจวัดมากกว่า 115 dB และต้องตั้งค่า Weighting A Time response “Slow”
- การวัดเสียงกระแทก เครื่องต้องรายงานค่า Peak C ได้ สูงถึง 140 dB และตั้งค่า Time response “Impulse”
3. เครื่องวัดแสง เครื่องมือต้องออกแบบตามมาตรฐาน C.I.E. 1931 หรือ ISO/CIE 10527 และต้องทำการ Zero ค่าก่อนการทำการตรวจวัด ทุกครั้ง
การเลือกเครื่องมือ ทำยังไง
อ่านเอกสาร DATA SHEETก็แล้ว CATALOGก็แล้ว เห็นเขียนชัดๆว่าได้มาตรฐาน IEC……/ISO………/
แต่!!!! ไม่ได้มาตรฐานซะงั้น บางที่หนักกว่าแปะมาตรฐานไว้ที่ตัวเครื่องเลย แต่ผ่านมั้ยนะ?
อืม……..แล้วในฐานะผู้ซื้อจะทำยังไงต่อ
ลองมาดูข้อแนะนำกัน
- ตรวจสอบช่วงการตรวจวัด…….. โดยอ้างอิงจากการออกแบบตามมาตรฐาน หรือหากมาตรฐานไม่ระบุ ให้ตรวจสอบมาตรฐาน หรือกฎหมายในการตรวจวัดที่ระบุไว้
2. ตรวจสอบค่าความแม่นยำ (Accuracy)….. อันนี้สำคัญมาก เพราะ ถ้าผิดจากมาตรฐานไป
3. ตรวจสอบการออกแบบของเครื่อง…… เช่น ISO 7243 ของเครื่องวัดความร้อน จะต้องให้มีการไหลเวียนอากาศผ่าน Sensor ทั้ง 3 หาก sensorใกล้กันเกินไปอาจส่งผลให้การอ่านค่าผิดไป แม้จะทำการสอบเทียบมาแล้วก็ตาม เนื่องจากในสภาพแวดล้อมจริง ไม่สามารถควบคุมปัจจัยแวดล้อมได้
ทำไม?เครื่องวัดเสียง ต้องวัดได้ถึง 140 dB
ตาม กฎกระทรวง กําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙
ได้ระบุ “นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงมิให้ลูกจ้างได้รับสัมผัสเสียงในบริเวณสถานประกอบกิจการ ที่มีระดับเสียงสูงสุด (peak sound pressure level) ของเสียงกระทบหรือเสียงกระแทก (impact or impulse noise) เกิน ๑๔๐ เดซิเบล”
ดังนั้น เครื่องมือจึงต้อง มี….
- ช่วงการตรวจวัดเสียง ได้ถึง 140 dB
- ตั้งค่า Time Constant หรือ Response Time ที่ Impulse ได้
- รายงาน ค่า PEAK C ได้
งานหนัก งานเบา ไม่เท่าไหร่ แต่เครื่องไม่ได้มาตรฐาน “หนักใจ” แน่นนอน
สำหรับการตรวจวัดความร้อนสำหรับงานด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรม อาชีวอนามัย และความปลอดภัย เราจะต้อง ใช้ค่าที่เรียกว่า WBGT หรือ Wet Bulb Globe Temperature เนื่องจากการรับความร้อนของร่างกายจากสภาพแวดล้อม มีมากกว่า 1 ปัจจัย เราจึงต้องการ Sensor 3 ชนิด เพื่อทำงานร่วมกันในการตรวจวัด ดังนั้นข้อแนะนำในการเลือกเครื่องมือในตรวจวัดความร้อน
- ต้องประกอบไปด้วย 3 หัววัดคือ อุณหภูมิกระเปาะเปียก(WET) อุณหภูมิกระเปาะแห้ง(Dry) และ โกลบ (Globe) และ ควรเว้นระยะห่างระหว่าง Sensor เล็กน้อย เพื่อให้
- ต้องได้รับการออกแบบและสอบเทียบตามมาตรฐาน ISO 7243
3. ต้องมี Calibration Verification Module
และเพื่อความสะดวก เครื่องมือควร คำนวณ ค่า WBGT Indoor และ Outdoor แบบอัตโนมัติได้
ทำไม? การวัดแสงต้องการเครื่องมือที่ออกแบบมาตามมาตรฐาน C.I.E. 1931 หรือ ISO/CIE 10527
แสงจัดเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือสามารถวัดค่าพลังงานได้ แต่หากต้องการให้การตรวจวัดนั้นเหมาะสมในการ “ประเมินผลกระทบต่อการมองเห็น” เราจำเป็นต้องทำให้เครื่องมือ มีความใกล้เคียงกับสายตาของมนุษย์มากที่สุด
ดังนั้น การออกแบบเครื่องมือเพื่อตรวจวัดประเมินผลกระทบต่อการมองเห็น จำเป็นต้องมีมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นเข้ามากำกับ เพื่อให้การตรวจวัดค่าที่ได้นั้นมีความถูกต้อง
เครื่องมือได้มาตรฐานแล้ว ก็ยังต้องการการสอบเทียบเสมอ
การเลือกเครื่องมือให้ดีตั้งแต่แรกนั้น จะทำให้เราทำงานง่าย ตรวจวัดรายงานผลกับมาตรฐานใด หรือหน่วยงานใดในโลกก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญ ที่ช่วยยืนยันว่าเครื่องมือเราผ่านการทดสอบจริงคือ การสอบเทียบมาตรฐาน เพื่อให้ได้ Calibration Certificate
กลับสู่สารบัญ
สรุป
การเลือกเครื่องมือตรวจวัดที่ดี ต้องพิจารณามาตรฐานเครื่องมือเป็นสำคัญ และต้องมาใบรับรองการสอบเทียบมาตรฐาน เพื่อใช้ในการยืนยันผลการทำงานของเครื่องมือด้วย